ที่ผ่านมานั้นพวกเรานั้นรู้กันว่าเราเราได้เปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณ โทรทัศน์จากระบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิตอล แต่เราก็รู้กันแค่นั้นจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าความจริงแล้ว สองระบบระหว่างอนะล็อกกับดิจิตอลต่างกันอย่างไร แต่ละชนิดเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้เราจะมะทำความรู้จักกับสัญญาณอนะล็อกกับดิจิตอลกันอย่างแท้จริง แบบเข้าใจง่ายๆ กัน
สัญญาณแบบอนะล็อกนั้น เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์แบบเก่า ซึ่งกำลังจะถูกยกเลิกการใช้การส่งสัญญาณแบบอนะล็อกนี้ในอีกไม่นานนี้แล้ว สัญญาณแบบอนะล็อกก็คือคลื่นสัญญาณที่มีการขนส่งข้อมูลแบบต่อเนื่อง ขนาดของข้อมูลอาจไม่เท่ากัน ขนาดของข้อมูลจะไม่มีความคงที่ นั่นเป็นเหตุผลทีว่าโทรทัศน์ที่รับสัญญาณแบบอนะล็อกจะไม่ค่อยมีความคมชัดสัก เท่าไหร่ โดยความเข้าของสัญญาณจะมีผลมากเลยทีเดียวกับคุณภาพของภาพและเสียงของช่อง รายการต่างๆ ในการส่งสัญญาณแบบอนะล็อกนั้นคือการส่งข้อมูลจริงๆ ไปทางอากาศเลย เราซึ่งเป็นผู้รับสัญญาณเหล่านี้อาจได้รับสัญญาณที่ถูกรบกวนมา ด้วยซึ่งการส่งสัญญาณอนะล็อกที่ส่งกันเหล่านี้เป็นข้อมูลจริงๆ จึงทำให้สัญญาณเหล่านี้ถูกรบกวนได้ง่ายๆ และเมื่อถูกรบกวนแล้ว ข้อมูลจึงมีการผิดพลาดได้ระหว่างการส่ง โดยสัญญาณเหล่านี้จะถูกรบกวนได้ง่ายมากๆ ทั้งจากสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่จากตัวอุปกรณ์เอง
เมื่อการถูกรบกวน ของสัญญาณแบบอนะล็อกนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย จึงได้มีการพัฒนาการส่งสัญญาณแบบใหม่ก็คือ สัญญาณดิจิตอลนั่นเองโดยมีการส่งข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการกระโดดไปกระโดดมาระหว่างค่าสองค่าคือค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดเท่า นั้น การส่งสัญญาณแบบดิจิตอลนั้นเป็นการแปลงข้อมูลจริงเป็นข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ในรูปแบบตัวเลข(0,1) แล้วก็ส่งสัญญาณกัน ทำให้ข้อมูลถูกรบกวนได้ยาก การที่ผู้รับแปรสัญญาณผิดพลาดจึงมีน้อย เมื่อรับสัญญาณมา ก็จะทำการแปลงข้อมูลตัวเลขเหล่านั้นกลับมาเป็นข้อมูลอีกครั้ง คือการแปลงจากสัญญาณดิจิตอลเป็นอนะล็อก เพราะสัญญาณแบบอนะล็อกเท่านั้นที่มนุษย์จะสัมผัสและรับรู้ได้ ด้วยเหตุนี้ทีวีแบบดิจิตอลจึงมีดีตรงที่ เมื่อรับสัญญาณได้แล้ว จะไม่มีเรื่องของความเข้มของสัญญาณแล้ว เพียงแค่เครื่องของเรารับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลเหล่านั้นได้ ราก็จะได้รับคุณภาพของสัญญาณและคุณภาพของเสียงที่คมชัด และการส่งสัญญาณแบบดิจิตอลนั้นทำให้การบริหารช่องทางการส่งสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นับเป็นการดีที่เทคโนโลยีการส่งสัญญาณเหล่านี้ได้มีพัฒนาการขึ้น เราจะได้ใช้บริการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้น และต่อไปในอนาคตเทคโนโลยีก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างไม่สิ้นสุด